“เจ้าในวัง” คำพูดติดปากของคนที่อยู่ในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ท่านเป็นราชบุตรีของพ่อเจ้าชีวิตอินทวิชยานนท์ มารดาคือเจ้าหญิงทิพย์เกสรผู้เป็นพระธิดาของพระเจ้าวิโลรศสุริยวงศ์นับเป็นผู้สืบสายโลหิตจากพระเจ้าเชียงใหม่โดยตรง เมื่อเล็ก ๆ ทรงมีชื่อรวมกันในพระญาติวงศ์ว่า “เจ้าหญิงอึ่ง” ครั้นเจริญพระชันษาก็ได้รับพระนามจากพ่อเจ้าชีวิตว่า “เจ้าดารารัศมี” พระองค์มีพี่ร่วมอุทรด้วยอีกสององค์แต่สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน เจ้าหญิงจึงเป็นที่สนิทเสน่หาของพ่อเจ้าและแม่เจ้าเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหญิงดารารัศมีประสูติเมื่อวันอังคารขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เหนือ ปีระกา ตอนที่เจ้าหญิงดารารัศมีตามเสด็จเจ้าชีวิตอินทวิชยานนท์ผู้บิดาลงไปกรุงเทพฯ ก่อนหน้านั้นเมื่อปี ๒๔๒๖ พ่อเจ้าชีวิตโปรดให้มีงานพระราชทานพระนามและต้องเข้าพิธีโสกันต์ พระบาทสมเด็จพระจุลเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าให้พระเจ้าน้องยาเธอฯ เสด็จไปช่วยในงานนี้พร้อมกับนำเอาตุ้มพระกรร ณ กับพระธำมรงค์เพชร มอบให้เป็นของขวัญแก่เจ้าหญิงดารารัศมีในโอกาสนั้นด้วย คงจะเป็นการมั่นหมายไว้ในพระทัยเพราะหลังจากนั้นมาอีกสามปี เจ้าชีวิตอินทวิชัยนนท์ก็เสด็จไปราชการที่กรุงเทพฯ และได้โปรดให้พระราชธิดาเจ้าหญิงดารารัศมีได้เสด็จไปด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสู่ขอต่อพ่อเจ้าชีวิตตอนนั้นโปรดให้ประทับที่พระที่นั่งจักรีในพระบรมมหาราชวัง เจ้าหญิงดารารัศมีจึงได้ถวายตัวตั้งแต่ครั้งนั้น

ภายหลังจากที่ทรงตั้งครรภ์ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงปลูกพระตำหนักพระราชทานแก่เจ้าหญิงดารารัศมี ผู้เป็นเจ้าของได้จัดให้ทุกคนภาในตำหนักแต่งกายแบบคนพื้นเมืองเชียงใหม่ทุกคน ในยามราตรีก็ครึกครื้นด้วยเสียงมโหรีเจ้าของหญิงดารารัศมี ในสมัยที่ยังคงประทับที่คุ้มหลวงเชียงใหม่ก็ได้ทรงศึกษาศิลปวิทยาตลอดจนขัตติยราชประเพณีมาเป็นอันดีจึงทรงดีดจะเข้ และสีซอได้ไพเราะทางด้านวรรณคดีก็สามารถนิพนธ์โคลงกรต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ครั้งหนึ่งเสด็จล่องแม่ปิงพร้อมกับเจ้านายอีกหลายพระองค์ได้มีการทางโคลงกลอนต่อกันเป็นคนๆไปเจ้าดาราก็ทรงได้อย่างคล่องแคล่ว เจ้าหญิงทรงพระครรภ์ประสูติเป็นพระธิดา ประสูติเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๒ เป็นพระธิดาองค์แรกและองค์เดียวของเจ้าดาราฯ ซึ่งพระชนกนารถโปรดพระราชทานนามว่า พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาถนพีสี แต่เป็นที่น่าเสียดาย พระองค์เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงจำเริญวัยได้เพียง ๔ พรรษา ก็ประชวรสิ้นพระชนม์ อย่างเจ้าจอมมารดาเจ้าทิพเกสรประสูติพระโอรสเจริญวัยจนได้ไปเรียนเมืองนอกได้ปริญญามาด้วยซ้ำแต่แล้วก็สิ้นพระชนม์ในวัยหนุ่ม เจ้าดารารัศมีพอประสูติพระราชธิดา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าก็โปรดเกล้าให้สถาปนาพระอิสริยยศเป็น “พระราชชายา” ตำแหน่งพระอัครมเหสีพระองค์หนึ่ง ภายหลังจากที่สูญเสียพระราชธิดาพระราชชายาเจ้าดารารัศมีกราบบังคมทูลลาขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อเยี่ยมพระประยูรญาติและจัดการก่อสร้างบรมอัฐิของบรรพบุรุษจากข่วงเมรุไปไว้ที่วัดสวนดอกไม้ ข่วงเมรุก็คือตรอกข่วงเมรุติดกับตลาดวโรสเดี๋ยวนี้มีงานฉลองถึงสิบห้าวันสิบห้าคืนตอนนั้นเจ้าพ่อเจ้าอินทวโรรสก็ขึ้นครองเมืองแทน ตอนที่มีพระชนมายุครบสามรอบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าท่านได้พระราชทานหีบทองคำลงยา มีพระปรมาภิไธยประดับเพชรเป็นของขวัญส่งไปถึงเชียงใหม่มีคำจารึกว่าหีบบรรจุคำอวยพรและความนึกคิดของจุฬาลงกรณ์ ปร.ส่งไปให้แก่เจ้าดารารัศมีผู้เป็นที่รัก เมื่อครบอายุ  รอบบริบูรณ์ ภายหลังที่พระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๕ เสด็จสวรรคต พระราชชายาฯก็เสด็จกลับไปประทับที่เชียงใหม่ ใช้ชีวิตด้วยการท่องเที่ยวศึกษาทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีและประกอบกรณียกิจในด้านการบุญการกุศลจนตลอดพระชนมายุขัย ทรงประทานที่ดินสร้างโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและทรงอุปถัมภ์โรงเรียนอื่นๆอีก ทั้งยังได้ประทานนามแก่โรงเรียนสตรีของมิชชั่นนารีชื่อ “โรงเรียนดาราวิทยาลัย” ส่วนตำหนักที่กรุงเทพฯตอนหลังได้เป็นที่ประทับของพระองค์เจ้าประดิษฐาสารี พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้ประชวรและสิ้นพรชนม์เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๖ สิริชนมายะได้ ๖๐ ปีเศษ

•แก้ไขล่าสุด• ( •วัน•อาทิตย์•ที่ 08 •กรกฏาคม• 2012 เวลา 07:29 น.• )