พระธาตุตุงคำ ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า ดอยด้วน เดิมบริเวณดอยด้วนเป็นป่าไม้ใหญ่ดงดิบ อุดมสมบูรณ์ร่มเย็น ซึ่งแต่ก่อนเมื่อยังเป็นป่าอุดมสมบูรณ์มักมีพระภิกษุชาวม่าน หรือภิกษุชาวเงี้ยวเข้ามาพักจำพรรษาอยู่บนดอยแห่งนี้เป็นประจำมิได้ขาด มีผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านทุ่งแค้วในสมัยนั้น ยังได้ไปถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุเหล่านั้นอยู่เสมอ ๆต่อมาในสมัยเงี้ยวปล้นคลังจังหวัดแพร่ ได้นำเงินที่ปล้นมาแจกหรือหว่านให้ชาวบ้านแถบนั้นเก็บเอา แล้วบอกว่า “ให้สูเจ้าเอาเงินสี่บาทเจ้าคืนไป” ผู้ที่ไม่กลัวก็เข้าไปเก็บเอาเงินที่โจรเงี้ยวหว่าน ส่วนเงินที่เหลือเงี้ยวก็แบ่งกันไปซ่อนคนละทิศละทาง
ต่อมาทางรัฐบาล( ร.๕) ได้ปราบเงี้ยวได้สำเร็จและได้ประกาศว่า เงินที่เงี้ยวนำมาหว่านนั้นเป็นเงินที่ปล้นมาจากคลังจังหวัดแพร่ และหาทางกำจัดพวกเงี้ยวและพยายามเอาเงินมาคืนคลังให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้คนที่เป็นม่านหรือเงี้ยวก็เดือดร้อน แม้แต่ภิกษุที่เป็นม่านหรือเงี้ยวก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย จึงได้หลบซ่อนอยู่ตามห้วยทางทิศตะวันตกของดอยด้วน ห่างจากพระธาตุตุงคำประมาณ ๕๐๐ เมตร ที่ชาวบ้านเรียกจนติดปากว่า ห้วยตุ๊ และ ห้วยพระหาย(ห้วยพระห้าย) มาจนถึงปัจจุบันนี้ พวกโจรเงี้ยวได้อาศัยอยู่กับพระบริเวณนี้ได้เอาเงินทองสิ่งของฝังไว้ด้วย ต่อมาเกิดขาดอาหารจึงได้ขุดเอาดินมากินแทนข้าว ที่ชาวบ้านไปพบเห็นเป็นดินเค็มมัน ซึ่งปัจจุบันยังปรากฎให้เห็นอยู่ มาระยะหลัง ๆพระภิกษุและพวกเงี้ยวก็ได้อพยพหายไปจากบริเวณแห่งนี้ จึงคงเหลือแต่สภาพวัดร้างเรียกว่า ห้วยวัด ซึ่งอยู่ติดกับห้วยปุ๋ยในปัจจุบัน ผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยก่อนได้เล่าให้ฟังว่า พวกโจรเงี้ยวคงเอาทรัพย์สินเงินทองต่าง ๆฝังไว้บริเวณป่าแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดกันว่าบริเวณ ดอยเต่า ซึ่งมีรูปเต่าหิน หันหน้าไปทางป่าแห่งหนึ่งและห้วยวัด คาดกันว่า อาจเป็นลายแทงแหล่งสมบัติของพวกเงี้ยว ก็เป็นได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ นายจำรัส คำเหลือง ราษฎร หมู่ ๕ ตำบลวังหลวง อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นร่างทรงได้ชักชวนชาวบ้านที่นับถือเลื่อมใส ทำการปรับปรุงบริเวณดอยด้วน เพื่อประสงค์จะก่อสร้างเจดีย์ จึงใช้ท่อซีเมนต์ต่อกันขึ้นเป็นถังสูงเพื่อเป็นแกนฐานในการก่อสร้างเจดีย์ ต่อมาชาวบ้านหมู่ที่ ๓ หมู่ที่ ๔ ตำบลทุ่งแค้ว เห็นด้วยกับการที่จะก่อสร้างจึงร่วมใจกันสร้างเป็นพระธาตุขึ้น จึงให้ความร่วมมือสนับสนุนในการก่อสร้างพระธาตุขึ้น เพื่อเป็นสถานที่เคารพและยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่สักการะของชาวทุ่งแค้วสืบไปในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๑ เป็นวันวางศิลาฤกษ์ ซึ่งท่านพระครูสมานแห่งวัดพระธาตุหนองจันทร์ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นผู้ดำเนินการวางศิลาฤกษ์และดำเนินการก่อสร้าง โดยการสนับสนุนงบประมาณจากคหบดีจากกรุงเทพฯ ในวันนี้ได้นิมนต์พระผู้ใหญ่ในเขตอำเภอสอง จำนวน ๕ รูป มาประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมบูรณ์แบบ ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ได้ทำการสมโภชองค์พระธาตุ ท่านพระครูสมานได้เป็นเจ้าภาพ ได้นิมนต์พระเจ้าอาวาสต่าง ๆ จำนวน ๒๙ รูป ร่วมพิธีสมโภชองค์พระธาตุ ซึ่งมีพิธีสวดและเทศตลอดทั้งคืน สร้างความศรัทธาและความปิติยินดีมายังพี่น้องชาวทุ่งแค้วเป็นอย่างยิ่ง ภายในองค์พระตาตุ ท่านพระครูสมาน ได้ประกอบพิธีบรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมีค่าได้แก่ พระพุทธรูปโบราณปางต่าง ๆ และตุงทองคำ ซึ่งท่านได้รับถวายมาจากพี่น้องชาวสิบปันนา ประเทศจีน เมื่อครั้งไปแสวงบุญ และได้ตั้งชื่อพระธาตุองค์นี้ว่า “พระธาตุตุงคำ” ต่อมาคุณพ่อวิชัย บัวมูล ได้ก่อสร้างรั้วรอบองค์พระธาตุ ทำให้องค์พระธาตุงามสง่ายิ่งขึ้น เพื่อเป็นการทำบุญสักการะพระธาตุตุงคำ คณะศรัทธาตำบลทุ่งแค้ว จึงได้กำหนดเอาวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ (เหนือ) เป็นวันทำบุญ ถือเป็นประเพณีของชาวทุ่งแค้วขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี (ผู้ใหญ่ยม ธรรมลังกา บันทึกจากคำบอกเล่าของพ่อใหญ่แก้ว ธรรมลังกา / อ.วุฒินันท์ วงศ์ชมภู เรียบเรียง)
คุณครู วุฒินันท์ วงศ์ชมภู
•แก้ไขล่าสุด• ( •วัน•พฤหัสบดี•ที่ 22 •ตุลาคม• 2015 เวลา 11:04 น.• )