วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖ นายวิชชา จิรภิญญากุล นายอำเภอสอง เป็นประธานงานส่งเสริมศิลธรรมฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปี สมเด็จพระสังฆราชฯ ณ ศาลาวัดทุ่งน้าว ตำบลทุ่งน้าว อำเภอสอง จังหวัดแพร่
วันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ นายวิชชา จิรภิญญากุล นายอำเภอสอง เป็นประธานการประชุมติดตามประเมินผลโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปี ๒๕๕๖ และประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอำเภอสอง ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลสอง ในวันเดียวกันนายวิชชา จิรภิญญากุล นายอำเภอสอง ได้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิต ณ หอประชุมอำเภอสอง จังหวัดแพร่
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฏาคม ๒๕๕๖ นายวิชชา จิรภิญญากุล นายอำเภอสอง เป็นประธานเปิดโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี ณ บ้านจัดสรร หมู่ ๑๒ ตำบลห้วยหม้าย อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูและเพิ่มที่ป่าไม้ให้มีความสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในท้องถิ่นและชุมชน และผืนป่าต่าง ๆ เพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ปลูกจิตสำนึก สร้างความตระหนักให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ด้วยจิตอาสา โดยชุมชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าในทุกหนแห่ง ในวันเดียวกันนายวิชชา จิรภิญญากุล นายอำเภอสอง เหล่ากาชาดจังหวัดแพร่ กิ่งกาชาดอำเภอสอง เปิดรับบริจาคโลหิต ณ หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพสอง อำเภอสอง จังหวัดแพร่
ภาพบรรยากาศ งานบรรพชา อุปสมบท บ้านหัวเมือง ประจำปี ๒๕๕๖ สนับสนุนโดย องค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง ๕๐,๐๐๐ บ. โดยวันที่ ๓๑ มี.ค. ๕๖ เป็นวันดา วันที่ ๑ เมษายน เวลา ๐๙.๐๐ น. เรียกขวัญนาค เสร็จแล้วรับประทานอาหารร่วมกัน ๑๓.๐๐ น. โดยประมาณ ทำพิธีบรรพชาอุปสมบท วัดหัวเมืองถือได้ว่าเป็นวัดที่อายุเก่าแก่ของจังหวัดแพร่วัดหนึ่งตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านสันนิษฐานว่าเริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๐๐ โดยมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งไม่ทราบที่มาชัดเจนว่าได้ย้ายถิ่นฐานมาจากที่ใด ที่เข้ามาปักหลักทำมาหากินอยู่ในเขตพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำยมในสมัยนั้น ประวัติวัดหัวเมือง เดิมวัดหัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยม ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันไปทางทิศใต้ประมาณ ๓๐๐ เมตร แต่เนื้องจากสภาพการไหลของแม่น้ำยมนั้นได้เปลี่ยนทิศทางอยู่เสมอจนได้กัดเซาะตลิ่งซึ่งติดบริเวณวัดหัวเมืองเดิมทำให้พื้นที่วัดได้รับความเสียหาย ทางเจ้าอาวาสคือพระอธิการพรมจักร แก่นเรณู และผู้นำหมู่บ้านโดยแกนนำของขุนเสนา ไข่คำ จึงได้พร้อมใจกันย้ายวัดมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เหนือ เดือน ๘ ใต้ นับตั้งแต่ย้ายวัดเป็นต้นมา ชาวบ้านต่างก็พร้อมใจกันสร้าวัดขึ้นใหม่ โดยเริ่มจากการใช้ไม้ไผ่ในการสร้างกุฏิและวิหาร เพราะในสมัยนั้นวัสดุก่อสร้างล้วนแล้วแต่เป็นของราคาแพงและค่อนข้างหายากสำหรับแถบชนบท ต่อมาในสมัยของพระอธิการพรหมจักร พรหมจกฺโก เจ้าอาวาสวัดหัวเมือง และคณะศรัทธาก็ได้พร้อมใจกันสร้างพระประธานเพื่อสักการบูชาในวิหารไม่ไผ่ ซึ่งเดิมทีทางวัดมีเพียงพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ไม่กี่องค์เท่านั้น โดยได้ฤกษ์ก่อสร้าง เมื่อวันพุธ ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๘ มีพ่อาล่าอุ๊ เวียงโกศัย ช่างผู้ก่อสร้าง โดยมีลักษณ์เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ใช้ไม้ขนุนเป็นแกนโครงสร้างด้านใน ศิลปะล้านนาแบบเมืองแพร่โบราณ