เจ้าผู้ครองนครใน “ล้านนาประเทศ” ช่วงเป็นประเทศราชของ “สยามประเทศ” หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่า “เจ้าหลวง” ในมุมมองของสยามผู้เป็นเจ้าอธิราชถือว่าเป็น “เจ้าเมือง(เจ้าประเทศราช)” ส่วนมุมมองของล้านนารวมถึงในเมืองนครแพร่ถือว่าเป็น “กษัตริย์” ดังปรากฏพระนามแทนเจ้าหลวงนครแพร่แต่ละองค์ว่า “พระกระสัตราธิราช” หรือ “พระองค์สมเด็จพระบรมบัวพิตองค์เปนเจ้า”(เจ้าหลวงอินทวิไชยราชา) หรือ “องค์สมเด็จมหาราชหลวง” หรือ “สมเด็จพิมพิสารมหาราช”(เจ้าหลวงพิมพิสารราชา) แต่ทว่าเท่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเจ้าหลวงนครแพร่ยังมีความคลาดเคลื่อน ทั้งที่มาของต้นปฐมราชวงศ์ จำนวนองค์เจ้าหลวงที่ขึ้นครองนคร ลำดับการครองนคร ระยะเวลาที่ขึ้นครองนคร ตลอดจนถึงความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับเจ้าหลวงองค์ก่อนหน้า เนื่องจากข้อจำกัดด้านหลักฐานและในเมืองแพร่เพิ่งเริ่มค้นคว้าถึงเจ้าหลวงองค์ก่อนเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงนครแพร่องค์สุดท้ายช่วงทศวรรษ ๒๕๒๐ เป็นต้นมา
วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๖ ถนนเจริญเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของศาลากลางจังหวัด เป็นวันที่เกิดจากการรวม ๒ วัดคือ วัดพระบาทและวัดมิ่งเมือง เป็นวัดพระบาทมิ่งเมือง ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกฐานะจากวัดราษฎ์ ให้เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร มีพื้นที่ ๖ ไร่ ๓๒ ตรารางวา (โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๑๑๕) มีอาณาเขตทิศเหนือติดถนนเจริญเมือง ความยาว ๑๔๘ เมตร อยู่ตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดแพร่ ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดแพร่ และสำนักงานพาณิชย์จังกวัดแพร่ ทิศใต้ติดกับถนนพระบาทมิ่งเมือง ความยาว ๑๕๖ เมตร อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ ทิศตะวันออก ติดถนนพระร่วงความยาว ๕๒ เมตร อยู่ตรงข้ามกับร้านคาพาณิชย์ ทิศตะวันตก ติดถนนคุ้มเดิม ความยาว ๗๖ เมตร อยู่ตรงข้ามสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร.๙
การเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพื้นที่จังหวัดแพร่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร รวม ๘ ครั้ง ๑. วันที่ ๑๕ - ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๑ ๒. วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๔ ๓. วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๖ ๔. วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๑ ๕. วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๒ ๖. วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๓ ๗. วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๔ ๘. วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๕
มหันตภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติที่ชาวแพร่หวาดสะดุ้งทุกฤดูลงนาเกณฑ์ชะตาน้ำมาก แม้นน้ำเหนือไหลหลากถึงท่วมท้นล้นฝั่งก็มักจะพาให้เมืองจม น้ำท่วมครั้งใหญ่เคยประสบมา ๔ ครั้ง ในปี ๒๔๗๒, ๒๔๗๖, ๒๔๘๒ และ ๒๕๓๘ แต่ละครั้งแต่ละคราวร้ายกาจทารุนเหลือที่จะพรรณนา สายน้ำไหลบ่าด้วยกำลังแรงเชี่ยว ราวกับว่าเกิดแต่อำนาจเจ้าป่าผีปันน้ำ พัดพาห้างร้านโรงเรือนถึงพังทะลายให้ผู้คนและสัตว์ถึงกับตายลอยเป็นแพ โดยเฉพาะที่ตั้งบริเวณตัวเมืองเป็นที่ลุ่มล้อมด้วยกำแพง ดินมีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายก้นกระทะ ขังน้ำไว้กว่าจะแห้งก็นานวัน ระดับน้ำท่วมสูงสุดเมื่อปี ๒๔๘๒ วัดได้ถึง ๓.๗๕ เมตร